บทความ/ให้ความรู้ Archives - Page 6 of 27 - SHIPPOP
ขายออนไลน์ จัดการเรื่องเงินอย่างไรให้คล่องมือ?

ขายออนไลน์ จัดการเรื่องเงินอย่างไรให้คล่องมือ?

การทำธุรกิจออนไลน์ หากมีแค่ช่องทางใดช่องทางหนึ่งอาจทำให้ธุรกิจสูญเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันผู้ประกอบการมักจะมีหลายช่องทางในการเข้าถึงลูกค้า เมื่อมีช่องทางการขายที่หลากหลายแล้ว สิ่งต่อมาย่อมเป็นเรื่องของ “การเงิน” ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของธุรกิจเลยทีเดียว สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ การมีช่องทางรับเงินที่หลากหลาย ถือว่าเป็นทางเลือกให้กับผู้ซื้อและยังช่วยดึงดูดให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้นด้วย 1. การเก็บเงินปลายทาง (Cash on Delivery) หรือการเก็บ COD ลูกค้าหลายรายมักจะชอบสั่งซื้อสินค้าด้วยการเก็บเงินปลายทาง เพราะต้องการความเชื่อมั่นว่าเขาจะได้รับสินค้าอย่างแน่นอน แต่ขณะเดียวกันทางฝั่งของแม่ค้าก็อาจจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง เนื่องจากในบางครั้งลูกค้าบางรายจะไม่รับสินค้าและทำการตีสินค้ากลับ สำหรับการเก็บเงินปลายทางนั่นแม่ค้าจะต้องทำการเสียค่าธรรมเนียมให้กับบริษัทขนส่งพัสดุ ซึ่งในแต่ละบริษัทจะมีเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น 2. บริการการการโอนเงิน เป็นช่องทางการรับชำระเงินที่ทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าคุ้นชินกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นการชำระเงินในรูปแบบที่ใช้งานกันเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปธุรกิจต่าง ๆ มักจะเลือกใช้วิธีนี้ในการรับชำระเงิน เพราะได้รับเงินสดเข้าบัญชีทันที และเป็นการรับเงินก่อนจัดส่งสินค้า ไม่มีความเสี่ยงที่จะโดนสินค้าตีกลับ 3. รับชำระเงินผ่านบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ช่องทางนี้แม้ว่าจะสะดวกทั้งต่อผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ก็อาจจะมีผู้ขายบางรายที่ไม่ค่อยชอบมากนัก เนื่องจากเสียค่าธรรมเนียม แต่โดยส่วนใหญ่แล้วถ้าคุณขายสินค้าผ่านทาง Marketplace ช่องทางเหล่านี้จะมีระบบดังกล่าวเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว แต่ถ้าคุณขายผ่านเว็บไซต์ของตนเอง ก็อาจจะต้องทำ Payment Gateway เอง ซึ่งปกติแล้วถ้าไม่ใช่เว็บไซต์ที่ใหญ่มากนักมักจะไม่นิยททำกัน เนื่องจากมีต้นทุนสูง นอกจากนีเ ยังมีช่องทาง e-Wallet, PayPal ฯลฯ […]

5 สิ่งที่ธุรกิจไม่ควรทำในปี 2022

5 สิ่งที่ธุรกิจไม่ควรทำในปี 2022

ใกล้จะหมดปี 2021แล้วนะคะ แม่ค้าออนไลน์หรือเจ้าของธุรกิจจะต้องเตรียมตัวรับมือและวางแผนการขายสำหรับปี 2022 ที่กำลังจะมาถึงกันแล้ว สำหรับธุรกิจใดที่วางแผนกันแล้วเรียบร้อย เรามาดูกันดีกว่าค่ะในปี 2022 ธุรกิจของเราไม่ควรทำอะไรบ้าง 1. ละเลยหรือมองข้ามคู่แข่งขัน ปัจจุบันอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หันมาซื้อออนไลน์กันมากขึ้น แน่นอนเลยว่าหลายธุรกิจก็ปรับตัวและหันมาขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เช่นเดียวกัน ดังนั้นหากคุณกำลังขายออนไลน์ คุณเคยลองสำรวจร้านค้าคู่แข่งของคุณบ้างหรือไม่ ว่าคู่แข่งเขากำลังขายสินค้าอะไร ราคาเท่าไหร่ มีกิจกรรมอะไรที่เล่นกับลูกค้าอยู่บ้างหรือไม่  การสำรวจคู่แข่งขัน เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกธุรกิจไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ เนื่องจากหากเราช้ากว่าคู่แข่งไปสักหนึ่งก้าว ก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะหลุดมือและหันไปหาคู่แข่งขันในทันที ดังนั้นคุณจะต้องเริ่มทำการศึกษาคู่แข่งขันให้มากขึ้น นำมาวิเคราะห์ และนำมาวางแผนว่าธุรกิจของเราจะรับมือกับคู่แข่งขันอย่างไรบ้าง และทำการศึกษาว่ามีอะไรบ้างที่คู่แข่งทำแต่ได้ผลไม่ดี เราก็ควรที่จะหลีกเลี่ยง 2. ไม่รักษาลูกค้าเก่า ขายสินค้าได้แล้วก็อย่าปล่อยผ่านนะคะ การรักษาฐานลูกค้าก็สิ่งสำคัญและจำเป็นมากเดียวกัน เพราะคุณควรบริหารร้านค้า จัดการระบบให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ บอกต่อเพื่อนหรือคนใกล้ตัว มีหลายธุรกิจเลยค่ะที่เมื่อขายสินค้าได้ก็ปล่อยปะละเลย ทำให้ลูกค้าเกิดความไม่พอใจ ซึ่งส่งผลเสียต่อแบรนด์เป็นอย่างมากเนื่องจากลูกค้าจะรีวิวว่าแบรนด์ของเราไม่ใส่ใจลูกค้า บริการหลังการขายไม่ดี สิ่งเหล่านี้จะส่งผลในระยะยาว  หากมีลูกค้าใหม่ที่กำลังตัดสินใจซื้อสินค้าจากร้านค้าของเรา เขาอาจจะทำการค้นหารีวิวจากลูกค้าคนเก่า เมื่อเขาเจอรีวิวไม่ดีเขาจะตัดสินใจไม่ซื้อในทันที ดังนั้นไม่ว่าจะลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่เราควรให้ความสำคัญเท่ากันและให้บริการด้วยใจค่ะ 3.ไม่สอบถามความคิดเห็นจากลูกค้า ลูกค้าของเราคือแหล่งข้อมูลที่ดีที่แบรนด์สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาต่อยอดได้หลายอย่างเลยค่ะ โดยการสอบถามอาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสินค้าออกใหม่ บริการหลังการขาย หรือความประทับ ข้อแนะนำที่ลูกค้าอยากให้กับแบรนด์ ในยุคสมัยนี้การสอบถามลูกค้าไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปเลยค่ะ เพราะเรามีอินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงคนได้วงกว้าง หากกังวลว่าลูกค้าไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมตอบคำถามก็ลองเปลี่ยนเป็นวิธีสนุก เช่น […]

4 กลยุทธ์ทำ Holiday Marketing

4 กลยุทธ์ทำ Holiday Marketing

เทศกาลวันหยุดที่หลายคนเฝ้ารอคอยใกล้จะมาถึงแล้วนะคะ ธุรกิจต่าง ๆ ควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนถึงวันเทศกาล เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ลูกค้ามักจะซื้อสินค้ากัน ไม่ว่าจะเป็นของขวัญให้ตัวเอง ให้เพื่อน ให้ครอบครัว บอกเลยว่าร้านค้าต้องเตรียมพร้อมรับออเดอร์กันทุกเวลา ดังนั้นทำการวางแผนทุกอย่างไว้ล่วงหน้า เพื่อที่จะได้บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1. วางแผนคอนเทนต์ไว้ล่วงหน้า เมื่อใกล้ถึงเทศกาลวันหยุดยาว คุณจะต้องทำการวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลา จะโพสต์เนื้อหาแบบใดบ้าง จะตกแต่งรูปภาพหรือวิดีโอ เลือกเสียงเพลง เป็นสไตล์แบบไหนถึงจะเข้ากับเทศกาลและเหมาะกับแบรนด์ของเรา การวางแผนไว้ล่วงหน้ามีข้อดีหลายอย่างเลยค่ะ เราจะมีความสม่ำเสมอในการโพสต์ มีเวลาคิดเนื้อหาหลากหลายรูปแบบ แต่ถ้าคุณไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ก็จะทำให้คุณเสียโอกาสไปหลายอย่าง ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็อย่าลืมที่จะวางแผนไว้ล่วงหน้านะคะ 2. นำเสนอสิทธิพิเศษหรือโปรโมชั่น เมื่อถึงเทศกาลสำคัญ ๆ เรามักจะพบเห็นแบรนด์ต่าง ๆ พากันจัดโปรโมชั่นหลากหลายรูปแบบเลยใช่ไหมคะ ยกตัวอย่างเช่น เทศกาล Black Friday ที่แบรนด์ดังลดราคากันกระหน่ำ สร้างยอดขายไปได้เยอะกันเลยทีเดียว ดังนั้นแบรนด์ของเราเองก็ต้องทำการวางแผนไว้ค่ะว่าในแต่ละเทศกาลเราจะเสนอสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้า ซึ่งปัจจุบันก็สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การให้คูปองส่วนลด ซึ่งในส่วนนี้หากเรานำเสนอคูปองให้แก่ลูกค้า ก็อย่าลืมคำนวณงบประมาณ และกำหนดรายละเอียด แจ้งลูกค้าให้ชัดเจนด้วยนะคะ Buy 1 Get 1 Free หรือโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม […]

3 กลยุทธ์ติดปีกให้ธุรกิจออนไลน์

3 กลยุทธ์ติดปีกให้ธุรกิจออนไลน์

การแข่งขันธุรกิจออนไลน์ช่วงนี้ร้อนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรายเล็กหรือรายใหญ่ก็หันมาขายออนไลน์กันมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันผู้ขายเองก็จะต้องคิดหากลยุทธ์เพื่อดึงให้ลูกค้ารู้จักและซื้อสินค้าจากร้านค้า บทความนี้เราจะมาดูกันว่าเราควรใช้กลุยทธ์อะไรบ้างเพื่อทำการติดปีกให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตขึ้น 1. ยิงโฆษณา อย่าเขียนข้อความสั้นเกินไป หลายครั้งเรามักจะเจอคนบอกกับเรา “ถ้าเขียนข้อความยาวเกินไป ลูกค้าจะไม่อ่าน” จะบอกว่าคำพูดนั่นผิดก็ไม่ใช่ซะทีเดียวค่ะ แต่ข้อควาจะสั้นหรือยาวต้องดูก่อนว่าเราสื่อสารโดยมีจุดหมายเพื่ออะไร หากเป็นโฆษณาอย่างเช่น Facebook Ads ที่คุณทำการยิงโฆษณา โดยหวังเพิ่มยอดขาย ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อทันทีหลังจากเห็นโพสต์นั้น  สำหรับลูกค้าที่สนใจ เขาจะอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าทันทีค่ะ ดังนั้นมันจะดีกว่าหากคุณใส่รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณให้ครบถ้วน เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นนั่นเอง แต่ถ้าหากคุณใส่รายละเอียดไม่ครบ ลูกค้าอาจจะคอมเมนต์หรือทักข้อความเพื่อทำการสอบถาม แต่ถ้าคุณได้รับข้อความเป็นจำนวนมากจนตอบกลับไม่ทัน นั่นก็อาจทำให้คุณเสียโอกาสในการขายได้นะคะ 2. ร่วมมือกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) หากธุรกิจของคุณมีงบสำหรับทำการตลาด ลองร่วมมือกับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ด้วยค่ะ เนื่องจากบุคคลเหล่านี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวแทนที่พูดถึงสินค้าของเรา ไม่ว่าจะเป็นการรีวิว ทดลองใช้ ความประทับใจ ฯลฯ เมื่อลูกค้าที่มีความสนใจในการสินค้าของเรา เขาจะทำการค้นหารีวิวเพื่อทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตัดสินใจค่ะ ดังนั้นการมีอินฟลูเอนเซอร์ที่กล่าวถึงสินค้าของเรา ก็จะเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าอย่างแน่นอน แต่อินฟลูเอนเซอร์ก็มีหลายรูปแบบค่ะ บางคนเน้นการทำวิดีโอ บางคนเน้นถ่ายรูปภาพ และมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ยอดจำนวนผู้ติดตามก็ต่างกัน ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจะต้องทำการประเมินก่อนว่าอินฟลูเอนเซอร์คนไหนที่เหมาะสมกับสินค้าหรือบริการของเรา 3. รวบรวมข้อมูลทุกอย่าง และนำมาวิเคราะห์ การเก็บข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับยุคสมัยนี้เลยค่ะ เป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจไม่ควรมองข้ามเลย เนื่องจากข้อมูลทุกอย่างเราสามารถนำมาต่อยอดได้ และจะมีประโยชน์ต่อธุรกิจของเราเป็นอย่างมาก เนื่องจากเราจะเห็นภาพรวมของพฤติกรรมลูกค้าเลยว่าลูกค้าชอบอะไร […]

ขายสินค้าหลายช่องทาง บริหารงานอย่างไรดี?

ขายสินค้าหลายช่องทาง บริหารงานอย่างไรดี?

ในยุคปัจจุบันเจ้าของธุรกิจมักจะเลือกจำหน่ายสินค้าหลากหลายช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ที่แบรนด์มักจะขายสินค้าหลากหลายแพลตฟอร์มเพื่อทการขยายช่องทางการขาย และทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากยิ่ง สิ่งสำคัญ คือ เมื่อคุณขายของหลายช่องทางคุณก็ต้องบริหารงานขายให้ดีเพื่อให้ออเดอร์ไม่ตกหล่น และรักษาฐานลูกค้าไว้ บทความนี้เราจะมาดูกันค่ะว่าเราควรบริหารงานอย่างไร เพื่อช่วยให้ทำงานได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น 1. เข้าใจความแตกต่างของลูกค้า เมื่อคุณขายสินค้าหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram, Twitter, TikTok หรือแม้แต่ขายสินค้าใน Shopee, Lazada คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในแต่ละแพลตฟอร์มนั้นจะมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ซึ่งแน่นอนเลยค่ะว่าจะส่งผลต่อแบรนด์ของเราอย่างแน่นอน เพราะคุณอาจจะต้องปรับรูปแบบการขายให้เหมาะสมกับช่องทางนั้น ๆ ต้องทำความเข้าใจขนาดของรูปภาพในแต่ละแพลตฟอร์ม เป็นต้น 2. รวมหลายช่องทาง ให้มารวมกันในที่เดียว การขายสินค้าหลายช่องทาง มีข้อดีตรงที่ช่วยให้แบรนด์เป็นรู้จักได้มากยิ่งขึ้น สามารถทำการตลาดได้หลากหลายช่องทาง แต่ก็มีจุดด้อยตรงที่เราอาจจะบริหารงานได้ยากมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น คุณต้องตอบข้อความลูกค้าหลายช่องทาง ซึ่งบางครั้งอาจมีข้อผิดพลาดที่ข้อความตกหล่น ตอบแชทลูกค้าช้า ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลายแพลตฟอร์มที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้แม่ค้าออนไลน์  หรือถ้าคุณอยากบริหารงานได้ดีมากยิ่งขึ้น คุณควรมีเว็บไซต์หลักในการสั่งสินค้า เพื่อให้ทุกออเดอร์นั้นมารวมอยู่ในที่เดียว เช่น คุณอาจโพสต์ขายใน Facebook, Instagram แต่เมื่อลูกค้าจะสั่งซื้อสินค้า คุณก็สามารถส่งลิ้งก์ให้ลูกค้าสั่งผ่านทาง Line ช่องทางเดียว เป็นต้น การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณจัดการออเดอร์ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ป้องกันออเดอร์ตกหล่นได้ค่ะ 3. วิเคราะห์และวัดผล […]

5 ข้อดีของการใช้ Influencer Marketing

5 ข้อดีของการใช้ Influencer Marketing

Influencer Marketing เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่เหล่าเจ้าของแบรนด์และนักการตลาดมักเลือกใช้ เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว ซึ่งในปัจจุบันอินฟลูเอนเซอร์ (influencer) มีหลากหลายสไตล์และมีฐานคนดูที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม วันนี้เราจะดูกันค่ะว่าการใช้อินฟลูเอนเซอร์นั้นมีประโยชน์อย่างไรกับธุรกิจ 1. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อินฟลูเอนเซอร์ (influencer) มีหลากหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น สัตว์เลี้ยง, ครอบครัว, ท่องเที่ยว, ความสวยความงาม, ทำอาหาร เป็นต้น ดังนั้นฐานคนดูที่เข้าไปติดตามบุคคลเหล่านั้นมักจะเป็นคนที่สนใจในสิ่งนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อแบรนด์เลือกที่จะจ้างอินฟลูเอนเซอร์ก็ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญ คือ ก่อนที่เราจะเลือกอินฟลูเอนเซอร์จะต้องทำการวิเคราะห์บุคคลนั้นก่อนว่า เขาทำโพสต์หรือคลิปวิดีโอแบบใด สไตล์แบบไหน คนที่เข้าไปชมอยู่ในช่วงอายุเท่าไหร่ เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของเราหรือไม่  2. ช่วยให้คนรู้จักแบรนด์ของเรามากยิ่งขึ้น อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าอินฟลูเอนเซอร์จะมีฐานคนติดตาม ซึ่งปัจจุบันก็มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักล้านเลยก็มี ในกรณีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วว่าต้องการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่มีฐานคนดูมากน้อยขนาดไหน เพราะจำนวนเหล่านั้นก็จะเป็นจำนวนที่คนจะเห็นแบรนด์ของเราด้วยเช่นกัน เมื่อเราเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์และเขาทำโพสต์หรือคลิปวิดีโอโปรโมทให้กับเรา คนที่เข้ามาดูก็จะเห็นแบรนด์และรู้จักแบรนด์ของเรามากยิ่งขึ้น 3. ลูกค้ามีส่วนร่วมกับโพสต์หรือแคมเปญที่เรากำลังทำ การเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์มีวิธีการโปรโมทหลากหลายมากเลยค่ะ แต่ถ้าคุณทำแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขาย เราขอแนะนำให้คุณตั้งเป้าหมายเอาไว้ เพื่อวิเคราะห์ผลว่าบุคคลที่เราจ้างนั้นช่วยให้แบรนด์สามารถเพิ่มยอดขายได้หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น สร้างโค้ดลดราคาสินค้าให้กับอินฟลูเอนเซอร์แต่ละคน และวัดผลดูว่าโค้ดใดที่ถูกใช้มากที่สุด 4. ยอดขายเพิ่มขึ้น เมื่อคุณเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ ผลลัพธ์ที่ได้นอกจากจะช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักแล้ว ยังสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้เช่นเดียวกันค่ะ ยกตัวอย่างเช่น คุณทำแบรนด์เครื่องสำอาง จึงเลือกอินฟลูเอนเซอร์อย่างบิวตี้บล็อกเกอร์ให้ทำการรีวิวสินค้าหรือทำคลิปสอนแต่งหน้า […]