5 สิ่งที่ธุรกิจหรือแบรนด์ควรหลีกเลี่ยงในปี 2022

ใกล้จะหมดปี 2021แล้วนะคะ แม่ค้าออนไลน์หรือเจ้าของธุรกิจจะต้องเตรียมตัวรับมือและวางแผนการขายสำหรับปี 2022 ที่กำลังจะมาถึงกันแล้ว สำหรับธุรกิจใดที่วางแผนกันแล้วเรียบร้อย เรามาดูกันดีกว่าค่ะในปี 2022 ธุรกิจของเราไม่ควรทำอะไรบ้าง

1. ละเลยหรือมองข้ามคู่แข่งขัน

ปัจจุบันอีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หันมาซื้อออนไลน์กันมากขึ้น แน่นอนเลยว่าหลายธุรกิจก็ปรับตัวและหันมาขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เช่นเดียวกัน ดังนั้นหากคุณกำลังขายออนไลน์ คุณเคยลองสำรวจร้านค้าคู่แข่งของคุณบ้างหรือไม่ ว่าคู่แข่งเขากำลังขายสินค้าอะไร ราคาเท่าไหร่ มีกิจกรรมอะไรที่เล่นกับลูกค้าอยู่บ้างหรือไม่ 

การสำรวจคู่แข่งขัน เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกธุรกิจไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ เนื่องจากหากเราช้ากว่าคู่แข่งไปสักหนึ่งก้าว ก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะหลุดมือและหันไปหาคู่แข่งขันในทันที ดังนั้นคุณจะต้องเริ่มทำการศึกษาคู่แข่งขันให้มากขึ้น นำมาวิเคราะห์ และนำมาวางแผนว่าธุรกิจของเราจะรับมือกับคู่แข่งขันอย่างไรบ้าง และทำการศึกษาว่ามีอะไรบ้างที่คู่แข่งทำแต่ได้ผลไม่ดี เราก็ควรที่จะหลีกเลี่ยง

2. ไม่รักษาลูกค้าเก่า

ขายสินค้าได้แล้วก็อย่าปล่อยผ่านนะคะ การรักษาฐานลูกค้าก็สิ่งสำคัญและจำเป็นมากเดียวกัน เพราะคุณควรบริหารร้านค้า จัดการระบบให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ บอกต่อเพื่อนหรือคนใกล้ตัว มีหลายธุรกิจเลยค่ะที่เมื่อขายสินค้าได้ก็ปล่อยปะละเลย ทำให้ลูกค้าเกิดความไม่พอใจ ซึ่งส่งผลเสียต่อแบรนด์เป็นอย่างมากเนื่องจากลูกค้าจะรีวิวว่าแบรนด์ของเราไม่ใส่ใจลูกค้า บริการหลังการขายไม่ดี สิ่งเหล่านี้จะส่งผลในระยะยาว 

หากมีลูกค้าใหม่ที่กำลังตัดสินใจซื้อสินค้าจากร้านค้าของเรา เขาอาจจะทำการค้นหารีวิวจากลูกค้าคนเก่า เมื่อเขาเจอรีวิวไม่ดีเขาจะตัดสินใจไม่ซื้อในทันที ดังนั้นไม่ว่าจะลูกค้าเก่าหรือลูกค้าใหม่เราควรให้ความสำคัญเท่ากันและให้บริการด้วยใจค่ะ

3.ไม่สอบถามความคิดเห็นจากลูกค้า

ลูกค้าของเราคือแหล่งข้อมูลที่ดีที่แบรนด์สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาต่อยอดได้หลายอย่างเลยค่ะ โดยการสอบถามอาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสินค้าออกใหม่ บริการหลังการขาย หรือความประทับ ข้อแนะนำที่ลูกค้าอยากให้กับแบรนด์

ในยุคสมัยนี้การสอบถามลูกค้าไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไปเลยค่ะ เพราะเรามีอินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงคนได้วงกว้าง หากกังวลว่าลูกค้าไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมตอบคำถามก็ลองเปลี่ยนเป็นวิธีสนุก เช่น ทำโพลสำรวจใน Instagram หรือมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับลูกค้าที่ร่วมกิจกรรม เป็นต้น

4. พยายามขายให้กับลูกค้าทุกคน 

ในฐานะที่เราเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราจะอยากขายสินค้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แต่อย่าลืมว่าจริง ๆ แล้วเราจะต้องทำความเข้าใจว่าลูกค้าของเราเป็นใคร ช่วงอายุเท่าไหร่ ไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร มีพฤติกรรมเป็นอย่างไรบ้าง หากเราทำความเข้าใจก็ช่วยให้เราขายของได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เวลาเราจะทำการยิงโฆษณาก็จะช่วยให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น 

5. ไม่ทำความเข้าใจการใช้โซเชียลมีเดีย

ปัจจุบันโซเชียลมีเดีวเป็นช่องทางหลักของหลายธุรกิจที่ใช้ในการขายของออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, TikTok, Twitter เป็นต้น ซึ่งในแต่ละแพลตฟอร์มจะมีสิ่งที่แตกต่างกันค่ะ เช่น ขนาดรูปภาพ จำนวนข้อความ รูปแบบคอนเทนต์ ฯลฯ ดังนั้นแบรนด์จะต้องทำความเข้าใจความแตกต่างของแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อทำการเลือกแพลตฟอร์มและช่องทางการขายที่เหมาะกับลูกค้าและแบรนด์ของเรานั่นเองค่ะ

SHIPPOP เรามีขนส่งรองรับมากกว่า 18 ขนส่ง ให้บริการครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย ส่งสินค้าได้หลากหลาย ที่สำคัญคือเรามีทีมงานคอยช่วยเหลือติดตามพัสดุของคุณ และมีระบบหลังบ้านช่วยจัดการเรื่องส่งของที่เปิดให้ใช้งานได้ “ฟรี” ระบบเราใช้งานง่าย แถมยังได้ค่าส่งราคาดี ช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำไรให้กับคุณได้ด้วยนะคะ