ช่วงสถานการณ์ COVID-19 แม่ค้าหลายรายอาจได้รับผลกระทบหลายอย่าง เช่น ขายสินค้าได้ลดลง ลูกค้าเก่าไม่กลับมาซื้อซ้ำ เป็นต้น แล้วเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร? วันนี้ SHIPPOP มีวิธีที่จะช่วยให้คุณรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ ช่วยเพิ่มยอดขายและปิดการขายได้ง่ายขึ้นค่ะ 1. สร้างความเชื่อมั่นว่าร้านค้าของเราปลอดภัย นาทีนี้หลายคนคงกังวลว่าตัวเองจะติดโควิด ดังนั้นเราควรสร้างความเชื่อมั่นให้กับความลูกค้า โดยการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าสบายใจ เช่น การฉีดพ่นฆ่าเชื้อ ให้พนักงานสวมหน้ากากอนามัย มีเจลแอลกฮอล์วางตามจุดต่าง ๆ ภายในร้าน และวัดอุณหภูมิร่างกายทุกคนที่เข้ามาภายในร้านค้า ที่สำคัญอย่าลืมเก็บภาพมาเพื่อทำคอนเทนต์บอกกับลูกค้าด้วยนะคะ ว่าเรามีมาตรการอย่างไร ลูกค้าจะได้เข้าซื้อสินค้าของเราได้อย่างอุ่นใจค่ะ 2. บริการด้วยใจ ไม่เน้นขายอย่างเดียว เคยเข้าไปในร้านค้าสักแห่งหนึ่งแล้วเจอพนักงานยิ้มแย้มให้คำแนะนำดีจนเราเกิดประทับใจมาก ๆ ไหมคะ? นั้นแหละค่ะจะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ลูกค้าติดร้านค้าของเรา เมื่อเราให้คำแนะนำกับลูกค้าดี ลูกค้าจะกลับมาถามและพูดคุยกันเราบ่อยมากขึ้น เมื่อลูกค้าประทับใจ ก็มีโอกาสที่จะปิดการขายและลูกค้านั้นจะรักแบรนด์ของเรามากขึ้น ไม่แน่อาจจะมีการบอกต่อกับคนอื่น ๆ เพิ่มด้วยนะคะ 3. จัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ใคร ๆ ก็ชอบและรักโปรโมชัน การที่เราจัดโปรโมชันจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้มีประสิทธิภาพมากเลยขึ้น ไม่ว่าจะลดราคาแบบเป็นเปอร์เซ็น หรือซื้อ 1 แถม 1 ก็เห็นผลทุกรูปแบบ […]
ปี 2021 ใครที่ยังไม่เริ่มขายของออนไลน์ ต้องศึกษาอย่างจริงและต้องปรับตัวขายออนไลน์กันให้มากขึ้นนะคะ พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปมาก ทุกวันนี้อัตราการซื้อของออนไลน์ก็เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยค่ะ สำหรับใครที่ยังคิดไม่ออกว่าจะเริ่มต้นขายสินค้าอะไรดี ลองมาดูไอเดียสินค้ากันในบล็อกนี้ได้เลยนะคะ 1. อุปกรณ์กีฬา ฟิตเนสหลายแห่งปิดให้บริการชั่วคราว สินค้าอุปกรณ์กีฬาเป็นหนึ่งในสิ่งที่ขายดีมาก ๆ ในช่วงที่มีระบาดโควิดรอบแรก ในเวลานี้ผู้คนเริ่มอยู่บ้านกันมากขึ้นไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสก็ไม่ได้ การขายอุปกรณ์กีฬาก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจนะคะ ไม่ว่าจะเป็น เสื่อโยคะ ดัมเบล อุปกรณ์ยางยืด เชือกกระโดด เป็นต้น เพราะคาดว่าช่วงนี้ผู้คนคงเริ่มมองหาอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายภายในบ้านกันมากขึ้นค่ะ 2. เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เมื่อผู้คนเริ่ม Work from home ก็ต้องเริ่มมองหาโต๊ะและเก้าอี้สำหรับนั่งทำงาน และเขาก็จะเริ่มมองรอบตัวมากขึ้น เริ่มอยากหากิจกรรมภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งบ้าน หรือการทำอาหาร ดังนั้นอุปกรณ์่เครื่องครัวมีแนวโน้มที่จะขายดี เมื่อช่วงที่โควิดระบาดรอบแรกก็เกิดกระแสการทำบราวนี่ คนฮิตทำกันเยอะมาก ไม่แน่ว่าในช่วงนี้ผู้คนอาจจะสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ขึ้นมาอีกครั้งก็ได้นะคะ 3. หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ สิ่งที่ขาดไม่ได้ในช่วงนี้ คือ หน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ค่ะ เป็นสิ่งปกติที่คนต้องพกติดตัวกัน ดังนั้นจึงเป็นสินค้าขายดีและมีความต้องการสูง ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากแบบผ้าหรือแบบกระดาษก็ขายดีทั้งนั้น หากเราผลิตเองก็อย่าลืมนำหน้ากากสำหรับ “เด็ก” มาขายด้วยนะคะ เพราะจะเป็นอีกทางเลือกที่ทำให้ร้านของเราดูพิเศษมากขึ้น […]
แม่ค้าออนไลน์ที่ขายของแต่ไม่ได้สร้างแบรนด์เป็นของตนเอง อาจจะต้องเจอปัญหาที่สินค้าของเราเหมือนกับร้านค้าอื่น ๆ ส่งผลให้ขายยากขึ้น คู่แข่งมีเยอะ เพราะฉะนั้นเราจะต้องสร้าง “ความแตกต่าง” ให้กับสินค้าของเราค่ะ เพื่อทำให้สินค้าของเรานั้นสะดุดตาและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ค่ะ 1. สร้างความแตกต่างด้วยกล่องพัสดุ หากเรารู้สึกว่าสินค้าเป็นของที่เราอาจไม่ได้แตกต่างจากร้านค้ารายอื่นมากนัก เราก็สามารถสร้างความแตกต่างด้วยกล่องพัสดุได้นะคะ เพราะเมื่อลูกค้าได้รับของ สิ่งแรกที่ลูกค้านั้นก็คือ “กล่องพัสดุ” ค่ะ ถ้าเราส่งสินค้าแล้วใช้กล่องรูปแบบเดิมลูกค้าก็จะจดจำเราได้ ลองนึกภาพตามดูนะคะถ้ามีกองพัสดุวางรวมกันสัก 10 กล่อง ทุก ๆ กล่องมีหน้าตาเหมือนกันหมดก็ไม่ได้มีกล่องไหนโดดเด่นเลยใช่ไหมคะ แต่ถ้ากล่องพัสดุเป็นสีฟ้าสดใส พัสดุนั้นก็จะเป็นกล่องที่โดดเด่นมากที่สุดนั้นเองค่ะ แน่นอนเลยว่าถ้าลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำแล้วได้รับกล่องแบบเดิม ลูกค้าก็จะจำได้ทันทีว่าเป็นสินค้าจากร้านของเราค่ะ 2. สร้างความแตกต่างด้วยสก็อตเทป หากรู้สึกว่าการใช้กล่องจะต้องใช้ต้นทุนเพิ่ม เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้เป็น “สก็อตเทป” ค่ะ เพราะเป็นอุปกรณ์อย่างนึงที่เราจะต้องใช้ในการแพคของกันอย่างแน่ นอนเลย เราอาจจะใช้สก็อตเทปที่มีสีสันต่าง ๆ เพื่อให้กล่องดูสะดุดตาขึ้น หรือทำเป็นสีใสและมีชื่อของร้านค้า ก็ช่วยเพิ่มความโดดเด่นสร้างความแตกต่างให้กับกล่องพัสดุของเราได้เป็นดีเลยนะคะ 3. แนบการ์ดเล็ก ๆ ไว้ในกล่อง ไม่มีทั้งกล่องและไม่มีสก็อตเทปเลยจะทำยังไงดี? อีกหนึ่งทางเลือกที่เรามั่นใจว่าน่าจะทำตามได้ง่าย คือ การที่เราทำการ์ดเขียนข้อความแล้วแนบไว้ในกล่องพัสดุค่ะ เราอาจจะใช้กระดาษ A4 ธรรมดา แล้วพิมพ์ข้อความขอบคุณลูกค้าที่อุดหนุน เป็นเหมือนโน้ตเล็ก ๆ […]
ขายของออนไลน์ได้แล้วก็อย่าลืมที่จะรักษาฐานลูกค้าเก่า และทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำกันด้วยนะคะ แต่การที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำก็อาจจะยากสำหรับใครหลาย ๆ คน ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูกันค่ะว่า เราต้องอย่างไรเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ 1. จัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย การทำแคมเปญทางการตลาดเป็นอีกหนึ่งวิธีที่กระตุ้นให้ลูกค้าสนใจและกลับมาซื้อซ้ำได้เป็นอย่างดียกตัวอย่างเช่น จัดโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1, ลดราคา 30%, การให้โค้ดหรือคูปองส่วนลด เป็นต้น แต่ก็ไม่ควรจัดโปรโมชั่นบ่อยหรือถี่เกินไปนะคะ เนื่องจากว่าหากเราจัดโปรโมชั่นบ่อย ๆ เวลาที่เราขายสินค้าในราคาปกติ ลูกค้าอาจจะไม่ซื้อสินค้าแต่จะรอซื้อแค่ตอนลดราคาเท่านั้นค่ะ 2. ส่งข้อความแจ้งเตือนหาลูกค้า หากเราทำการเก็บข้อมูล เราจะมีข้อมูลเพื่อเอาไว้เพื่อติดต่อกับลูกค้า หากกลัวว่าลูกค้าจะรำคาญ เราขอแนะนำให้คุณเลือกส่งข้อความผ่านช่องทางอีเมล์ แต่ถ้าคุณเปิดเพจทางเฟซบุ๊คหรือมีไลน์ออฟฟิเชียลของแบรนด์ นี้แหละค่ะที่จะเป็นช่องทางสำคัญที่เห็นผลได้ดีเลย เพราะบุคคลที่ติดตามเรานั้นเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าเก่า หรือลูกค้าที่สนใจแบรนด์ของเรา เมื่อเรามีข่าวสารต่าง ๆ เช่น สินค้าออกใหม่, สินค้าโปรโมชั่น, แจ้งวันหยุด เราสามารถทำการบรอดแคสต์เพื่อส่งข้อความหาลูกค้าได้ทันที 3. ให้บริการด้วยใจ ใส่ใจในรายละเอียด การให้บริการเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่สามารถมัดใจลูกค้าได้ การที่ใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ ของลูกค้า ก็สามารถสร้างความประทับใจได้นะคะ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ เหมือนเราเดินเข้าไปร้านค้าร้านนึง แล้วร้านค้านั้นจดจำได้ว่าเราชอบอะไรไม่ชอบอะไร แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพฤติกรรมลูกค้าแต่ละคนเป็นอย่างไร? เราก็ต้องทำการบันทึกข้อมูลไว้ค่ะ […]
การเพิ่มยอดขายไม่ได้หมายความว่าเราจะทำกำไรจากการ “ตั้งราคาสินค้า” อย่างเดียวเท่านั้นนะคะ เนื่องจากเราสามารถทำได้หลากหลายวิธีเลยค่ะ หนึ่งในนั้นก็คือ “การเพิ่มยอดขายด้วยการส่งของ” เนื่องจากเป็นอีกส่วนหนึ่งที่เราสามารถควบคุมต้นทุนได้ แถมยังเอาไปทำการตลาดดึงดูดให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ 1. รองรับการเก็บเงินปลายทาง (COD) รองรับการเก็บเงินปลายทาง หรือให้บริการ Cash On Delivery (COD) เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้แบรนด์ของคุณน่าเชื่อถือและช่วยให้ยอดขายเพิ่มขึ้นได้ด้วยค่ะ เนื่องจากลูกค้าจะทำการสั่งซื้อสินค้า และจะชำระค่าสินค้าให้กับเราก็ต่อเมื่อเขาได้รับสินค้าแล้วเท่านั้น ซึ่งลูกค้าก็จะมั่นใจได้ว่าเราส่งของให้จริงนั่นเองค่ะ แต่การให้บริการเก็บปลายทางจะมีคิดค่าธรรมเนียมการให้บริการด้วยนะคะ ซึ่งค่าธรรมเนียมในแต่ละขนส่งจะแตกต่างกันไปค่ะ ดังนั้นเจ้าของธุรกิจควรศึกษาเงื่อนไขให้ดีเพื่อบริหารงานขายได้ดียิ่งขึ้น 2. ดึงดูดลูกค้าด้วยคำว่า “ส่งฟรี” ลูกค้าหลายคนยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้า แต่พอเจอ “ค่าส่ง” ก็จะรู้สึกเสียดาย ไม่อยากจ่ายเงินเพิ่ม ดังนั้นร้านค้าอย่างเราควรบวกค่าจัดส่งไว้ในค่าสินค้า ยกตัวอย่างเช่น สินค้าราคา 100 บาท ค่าจัดส่ง 50 บาท เมื่อต้องระบุราคาขายให้เขียนว่า “ราคา 150 บาท ส่งฟรี” จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแต่ละขนส่งคิดค่าบริการเท่าไหร่? SHIPPOP เรามีฟังก์ชั่นให้ทุกคนสามารถเข้ามา “เปรียบเทียบราคา” ของขนส่งได้ โดยแค่ระบุหมายเลขไปรษณีย์ต้นทาง-ปลายทาง พร้อมทั้งระบุน้ำหนัก ที่สำคัญสามารถเช็คราคาได้ “ฟรี” […]
สำหรับใครที่กำลังมองหาว่าจะ “ขายของออนไลน์ในแพลตฟอร์มไหนดี?” เราขอแนะนำให้เปิดร้านขายของออนไลน์ใน Instagram (IG) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นช่องทางที่ไม่ได้เป็นแค่หนึ่งในขั้นตอนของการทำการตลาดเท่านั้นนะคะ เพราะถ้าหากเราบริหารร้านค้าได้ดีก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขายของเราได้ด้วยค่ะ 1. ลูกค้าช็อปปิ้งได้ง่าย Instagram เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มยอดนิยมที่ร้านค้ามักเลือกใช้เพื่อเปิดร้านค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้แบรนด์และลูกค้ามีปฎิสัมพันธ์กันและสามารถปิดการขายได้ในที่เดียวด้วย เพราะลูกค้าสามารถแชทหาเราได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการคอมเมนต์หรือทัก direct message เพื่อสอบถามรายละเอียดและสั่งซื้อสินค้าได้ทันที ที่สำคัญ คือ หากเราเทียบกับการขายในช่องทางออฟไลน์หรือในเว็บไซต์ ลูกค้าจะต้องเปิดดูสินค้าในแค็ตตาล็อกหรือคลิกลิงก์ต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ แต่ใน Instagram เราจะสามารถแสดงข้อมูลได้ในโพสต์เดียว ทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่ยุ่งยากในการใช้งาน 2. เป็นการตลาดทางตรงสู่ผู้บริโภค Instagram เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ลูกค้าจะเลือกใช้เพื่อสื่อสารกับแบรนด์ ซึ่งหมายความว่าเมื่อลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าสักหนึ่งชิ้น ลูกค้ามีแนวโน้มหาสินค้าบน Instagram ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อเพื่อดูรูปภาพและข้อมูลต่าง ๆ และจะเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออฟไลน์หรือเลือกซื้อผ่านทางช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ด้วยรูปแบบของแพลตฟอร์มจึงทำให้ลูกค้าดูสินค้าได้สะดวกและรวดเร็ว เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นรูปภาพเป็นหลัก สามารถลงรูปได้สูงสุด 10 รูป/โพสต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถจูงใจให้ซื้อสินค้าและมีแนวโน้มที่จะเป็นลูกค้าประจำของแบรนด์ 3. กระตุ้นการซื้อ หากเป็นสมัยก่อนเวลาลูกค้าวางแผนที่จะซื้อหรือตัดสินใจซื้อแล้ว จะเดินเข้าไปซื้อตามร้านค้าออฟไลน์ทันที แต่อย่างไรก็ตาม Instagram ก็เป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าด้วยเช่นกัน หมายความว่า ในบางครั้งเวลาที่ลูกค้าเบื่อ ๆ […]