บทความ/ให้ความรู้ Archives - Page 12 of 27 - SHIPPOP
แพ็คของอย่างไรให้ถูกใจลูกค้า?

แพ็คของอย่างไรให้ถูกใจลูกค้า?

การจัดส่งสินค้าเป็นหนึ่งในสิ่งที่มัดใจลูกค้าได้ แต่ก็ยังมีขั้นตอนนะคะที่สำคัญไม่แพ้กันเลย นั้นคือขั้นตอนของการ “แพ็ค” ค่ะ เนื่องจากถ้าเราแพ็คสินค้าดี แพ็คแน่นหนา สินค้าเราจะไม่ได้รับผลกระทบเวลาขนส่งค่ะ และสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าได้ดีมาก ๆ 1. ห่อบับเบิ้ล กันกระแทกให้แน่นหนา สิ่งสำคัญที่สุดของการส่งสินค้า คือ สินค้าต้องไม่ได้รับความเสียหายค่ะ เพราะฉะนั้นการห่อบับเบิ้ลหรือที่กันกระแทกเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เราควรห่อให้แน่นหนาไม่ควรห่อบางจนเกินไปเพราะถ้าหากในกล่องมีช่องว่างสินค้าของคุณก็เสี่ยงที่จะได้รับเสียหาย 2. เตรียมซอง และกล่องพัสดุให้หลากหลาย หากร้านค้าของคุณขายสินค้าหลายหลายประเภท หลายขนาด ก็ควรมีทั้งซองและกล่องให้หลากหลายขนาดค่ะ เพราะแต่ละออเดอร์สจะมียอดการสั่งซื้อที่แตกต่างกัน ดังนั้นหากเรามีกล่องหลายขนาดก็จะช่วยให้เราแพ็คของได้ไวด้วยนะคะ ช่วยลดระยะเวลาหารทำงานค่ะ เพราะหากคุณไม่เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมคุณก็จะเสียเวลาในการออกไปข้างนอกหรือต้องต่อแถวเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่ไปรษณีย์ 3. เลือกกล่องให้เหมาะกับสินค้า การมีกล่องหลายขนาดก็ดีตรงที่เราสามารถ “เลือกกล่องให้เหมาะกับสินค้า” หากเราเลือกขนาดกล่องได้เหมาะสมก็ช่วยให้เราประหยัดบับเบิ้ลกันกระแทกได้นะคะ เพราะปกติแล้วถ้าเราห่อกันกระแทกสินค้าแล้ว หากมีพื้นที่ว่างในกล่องเราก็ต้องหากระดาษมายัดเพื่อให้ในกล่องไม่มีช่องว่าง ลดการเกิดแรงกระแทก ดังนั้นถ้าเราเลือกกล่องให้เหมาะสมก็ช่วยเราประหยัดอุปกรณ์ในการแพ็ค และสินค้าไม่เสี่ยงที่จะเสียหายด้วยค่ะ 4. เขียนหรือพิมพ์ใบปะหน้าข้อมูลผู้รับผู้ส่ง เตรียมข้อมูลชื่อที่อยู่ผู้รับผู้ส่งให้เรียบร้อย และเขียนข้อมูลให้ครบถ้วน หากมีเบอร์โทรศัพท์ลูกค้าก็ควรกรอกรายละเอียดไปด้วยนะคะ เผื่อทางขนส่งใช้เพื่อติดต่อในการส่งสินค้า แต่บางทีการเขียนอาจจะเกิดปัญหาที่ทางขนส่ง “อ่านลายมือไม่ออก” ทำให้อาจเกิดความล่าช้าในการขนส่งหรืออาจส่งผิดได้ค่ะ ทางแก้อีกหนึ่งวิธี คือ “การพิมพ์ใบปะหน้า” ซึ่งข้อมูลจะถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น เนื่องจากเราสามารถนำข้อความของลูกค้ามากรอกและปริ้นได้เลย SHIPPOP เรารองรับการพิมพ์ใบปะหน้า […]

รวมกลยุทธ์ช่วยปิดการขาย!

รวมกลยุทธ์ช่วยปิดการขาย!

ปิดการขายไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ทำคอนเทนต์จนลูกค้าสะดุดตาเกิดความสนใจได้แล้ว แต่จะทำยังไงให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ? แน่นอนเลยว่าเราต้องมี “กลยุทธ์” ค่ะ เพราะจะช่วยให้เราขายของออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ใครอยากรู้ว่ามีกลยุทธ์อะไรบ้าง เราไปอ่านกันเลยค่ะ 1. โพสต์รูปภาพ พร้อมรายละเอียดสินค้าให้ครบถ้วน เมื่อลูกค้าจะซื้อสินค้าออนไลน์ สิ่งสำคัญที่ช่วยดึงดูดให้ลูกค้าสนใจนั้นก็คือ “รูปภาพ” ค่ะ หากเราทำรูปออกมาสวยก็ช่วยเพิ่มความน่าสนใจได้ดี แต่ถ้าคุณไม่กรอกรายละเอียดสินค้า เช่น ชื่อสินค้า วิธีใช้ ขนาด ราคา เป็นต้น แต่บอกให้ลูกค้าทักถามเพิ่มเติมทางแชท ลูกค้าอาจจะเกิดความหงุดหงิดและมีแนวโน้มที่สูงมากที่ลูกค้าจะออกไปจากร้านค้าของเราค่ะ ดังนั้นอย่าลืมไปเช็คสินค้าและกรอกรายละเอียดให้ครบนะคะ 2. พูดคุยอย่างเป็นมิตร ให้คำแนะนำแก่ลูกค้า เมื่อลูกค้าเข้ามาสอบถามข้อมูล การพูดคุยกับลูกค้าอย่างเป็นมิตรจะช่วยให้ลูกค้าประทับใจได้ดี แถมเรายังมัดใจลูกค้าได้ด้วยนะคะ หากเราสามารถให้คำแนะนำแก่ลูกค้าก็ช่วยมห้ร้านค้าของเราดูน่าเชื่อถือ และลูกค้าก็จะเชื่อในตัวเรา สินค้าและบริการของเราค่ะ 3. อย่าโพสต์ขายอย่างเดียว ทำคอนเทนต์อื่น ๆ ด้วย หากเราโพสต์ขายสินค้าอย่างเดียวและโพสต์บ่อย ลูกค้าอาจจะเบื่อหรือรำคาญได้นะคะ เพราะเราเน้นการขายมากเกินไป หากเรามีคอนเทนต์อื่น ๆ สอดแทรกมาบ้างจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงแบรนด์เราได้ง่าย และช่วยเพิ่ม engagment ให้แก่เพจของเราได้ดีเลยล่ะค่ะ 4. รีวิวจากลูกค้าก็สำคัญ แน่นอนเลยว่าหลายครั้งก่อนที่คนจะซื้อสินค้า มักจะหารีวิวก่อนตัดสินใจซื้อเสมอ ดังนั้นหากร้านค้าของคุณมีคะแนนรีวิวดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง […]

มัดใจลูกค้า ด้วยการให้ “บริการ”

มัดใจลูกค้า ด้วยการให้ “บริการ”

การให้บริการก็ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำ การช่วยเหลือแก่ลูกค้า ซึ่งหากคุณบริการได้ดีก็จะช่วยให้ร้านค้าของคุณมีภาพลักษณ์ที่ดี สร้างความประทับใจ ลูกค้าพึงพอใจ และช่วยให้ธุรกิจเราประสบความสำเร็จได้! . แต่การบริการก็มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย การดูแลลูกค้าหลังการขาย การให้ข้อมูลสินค้าต่าง ๆ แต่จะทำอย่างไรให้มัดใจลูกค้าได้? เรามาดูกันเลยค่ะว่าเราต้องให้บริการลูกค้าอย่างไรบ้าง 1. ทำให้การบริการดูสนุกและขี้เล่น สิ่งสำคัญคือเราควรเป็นมิตรกับลูกค้าค่ะ เพราะช่วยให้เข้าถึงคนได้ง่าย ลูกค้าเองก็จะรู้สึกว่าเราเป็นเหมือนเพื่อน ทำให้เขาไว้วางใจเรา พร้อมเข้ามาพูดคุยและสอบถามเราได้เสมอ หากแบรนด์ของเรามิตร แน่นอนเลยว่าลูกค้าต้องประทับใจเรามากแน่นอนเลยค่ะ 2. ปรับปรุงการให้บริการอยู่เสมอ แม้ว่าเราอาจจะให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ แต่ก็อาจจะมีบางกรณีที่ลูกค้าเกิดการ “ไม่พอใจ” ซึ่งส่งผลทำให้ลูกค้าจะร้องเรียนกับเรา ให้คะแนนรีวิวไม่ดี ยิ่งถ้าแบรนด์เราเจอปัญหาข้อร้องเรียนแบบเดิมซ้ำ ๆ เราควรรีบแก้ไขปัญหานั้นให้เร็วมากที่สุด ไม่อยากนั้นถ้าเกิดมีลูกค้าใหม่ ๆ แล้วมาอ่านรีวิวละก็.. เราอาจจะเสียลูกค้าใหม่ไปโดยที่ยังไม่ได้พูดคุยกับเขาเลยก็ได้นะคะ 3. ส่งข้อความหรือบัตรของขวัญในโอกาสพิเศษ ถ้าแบรนด์คุณมีลูกค้าขาประจำ เมื่อถึงวันพิเศษ เช่น วันเกิด อย่าลืมที่จะส่งการ์ดบัตรของขวัญ หรือข้อความไปหาลูกค้าด้วยนะคะ เพราะการทำแบบนี้ช่วยสร้างความประทับใจได้มากเลยทีเดียว ส่วนลูกค้าเองก็จะรู้สึกว่าตัวเขาเป็น “คนพิเศษ” ด้วยค่ะ 4. สอนลูกค้าใน “สิ่งใหม่ ๆ” หากคุณขายสินค้าอะไรสักอย่างนึง อย่าลืมที่จะสอนวิธีการใช้งานให้แก่ลูกค้าเพราะไม่ใช่ว่าลูกค้าทุกคนจะต้องรู้วิธีใช้อยู่แล้ว […]

4 ขั้นตอนง่ายๆ Drop ผ่าน SHIPPOP SHOP ไม่ต้องปริ้นใบปะหน้า ไม่ต้องต่อแถวรอคิวยาว

4 ขั้นตอนง่ายๆ Drop ผ่าน SHIPPOP SHOP ไม่ต้องปริ้นใบปะหน้า ไม่ต้องต่อแถวรอคิวยาว

หลายท่านประสบปัญหากับการส่งพัสดุที่ต้องปริ้นใบปะหน้าเองจากบ้าน บางครั้งเครื่องปริ้นเสีย หรือหมึกหมดไม่มีกระดาษ แต่วันนี้มีออเดอร์เร่งด่วนต้องการส่งจะทำอย่างไรดี!! หรือพอไปส่งต้องพอเจอกับคิวที่ยาวเยียดจากคนที่มีส่งพัสดุเช่นเดียวกันกับเราอีกหลายร้อยชีวิต จะง่ายกว่าไหมถ้าเพียงคุณสร้างรายการผ่าน www.shippop.com และนำไป drop ได้ที่ SHIPPOP SHOP ใกล้บ้านท่าน ที่รับ drop เฉพาะลูกค้าคนพิเศษจาก SHIPPOP อย่างคุณ ไม่ต้องปริ้นใบปะหน้า ไม่ต้องต่อแถวรอคิวยาว สร้างรายการเสร็จแล้ว มาส่งที่ SHIPPOP SHOP เลย ง่ายมากกกกมากกกกก ลดทั้งต้นทุนค่าหมึกค่ากระดาษ ลดทั้งเวลาที่ต้องต่อแถว จ่ายเพิ่มแค่ 5 บาทต่อชิ้น ข้อดีขนาดนี้ ขั้นตอนก็แสนง่าย  เพียง 4 ขั้นตอนเท่านั้น (บริการนี้สาขารับ drop ได้เฉพาะขนส่งไปรษณีย์ไทยเท่านั้น) *ชำระค่าบริการที่หน้าสาขา 5 บาท/ชิ้น ค้นหาจุดให้บริการ DROP OFF ได้ที่ กดลูกศร > เลือก POP SHIPPOP ——————————————————————————– DROP พัสดุกับ SHIPPOP ไม่ต้องต่อแถว

เพิ่มยอดขายด้วย Hashtag

เพิ่มยอดขายด้วย Hashtag

การที่เราเลือกใช้ “แฮชแท็ก” สำคัญอย่างไร? สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราถึงผู้คนได้ง่ายและตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นค่ะ เนื่องจากเมื่อลูกค้าสนใจสินค้าสักหนึ่งชิ้น เขาจะเข้าไปดูสินค้าตามแฮชแท็ก ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการขายให้เราได้ แต่สิ่งสำคัญ คือ เราจะต้องเลือกใช้แฮชแท็กให้เหมาะสมด้วยนะคะ ไม่งั้นแฮชแท็กอาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากพอในการดึงดูดลูกค้า บทความนี้จะช่วยให้เราเลือกใช้แฮชแท็กได้อย่างเหมาะสมค่ะ 1. ใช้แฮชแท็กตาม “ชื่อแบรนด์หรือสโลแกน” เมื่อเราทำแบรนด์เป็นของตนเอง อย่าลืมที่จะติดแฮชแท็กชื่อลงในโพสต์ด้วยนะคะ เพราะสิ่งนี้แหละค่ะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เรามีเอกลักษณ์มากขึ้นด้วย ที่สำคัญหากเราติดแฮชแท็กชื่อแบรนด์เราจะเห็นข้อมูลจากร้านเราง่ายขึ้นค่ะ เพราะอาจจะมีลูกค้าบางคนที่ติดแฮชแท็กแบรนด์ของเราด้วย นั้นก็เป็นอีกสิ่งที่จะรู้ว่าลูกค้าคิดอย่างไรกับแบรนด์เราบ้างนั้นเองค่ะ ตัวอย่าง : KitKat ใช้แฮชแท็กแบรนด์ว่า #HaveABreak ซึ่งก็มีลูกค้าจำนวนมากที่เข้ามาใช้แฮชแท็กนี้ด้วยเหมือนกันค่ะ เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของแบรนด์กับลูกค้าที่ดีมากเลยค่ะ 2. ใช้แฮชแท็กเมื่อเราทำ “แคมเปญหรือกิจกรรม” เราสามารถใช้ชื่อแบรนด์ได้นะคะ แต่เมื่อทำกิจกรรมหรือแคมเปญการใช้แฮชแท็กที่เป็นชื่อแบรนด์อาจจะได้เห็นภาพที่กว้างมากเกินไปและอาจไปปนกับสินค้าอื่น ๆ ค่ะ ดังนั้นหากทแยกให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้นก็จะตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นค่ะ ตัวอย่าง : แบรนด์กระดาษทิชชู่ Charmin ของประเทศสหรัฐอเมริกา สร้างแคมเปญ #TweetFromTheSeat เพื่อให้ลูกค้ามาบอกว่าใช้สินค้าของแบรนด์แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง ซึ่งก็มีลูกค้าเข้าเล่นกัน ทำให้เราสามารถวัดผลได้ด้วยว่าสินค้าของเราจะต้องปรับปรุงอะไรบ้าง 3. ใช้แฮชแท็กเพื่อ “กระตุ้นการตัดสินใจ” เป็นการเลือกใช้คำที่กระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการกระทำบางอย่างค่ะ ซึ่งจะเป็นตรงตัวเลยก็ได้นะคะ เช่น “คลิก, สมัคร, เริ่มใช้” […]

เทคนิค “ไลฟ์สด”ให้ยอดขายปัง!

เทคนิค “ไลฟ์สด”ให้ยอดขายปัง!

ขายของออนไลน์ คุณเคยลองไลฟ์สดบ้างรึยัง? รู้ไหมคะว่าในขณะนี้มีแม่ค้าหลายคนที่ประสบความสำเร็จจากการไลฟ์ขายของเป็นจำนวนมาก ขั้นตอนไม่ยุ่งยากเลยค่ะ แต่ถ้าใครที่ยังเริ่มต้นไม่ถูก แนะนำว่าให้ลองอ่านบทความนี้ จะเป็นอีกช่องทางที่ช่วยให้คุณไลฟ์สดได้มีประสิทธิภาพขึ้นค่ะ 1. เลือกช่องทางที่จะทำการไลฟ์ แม่ค้าหลายคนอาจจะขายสินค้าในหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือตาม Market place ซึ่งในแต่ละช่องทางนั้นเราสามารถทำการไลฟ์สดขายของ แต่คำถามคือ เราจะไลฟ์ที่ช่องทางไหนดี? Facebook Live : เป็นเครือข่ายโซเชียลชนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากใครที่ยังไม่เคยไลฟ์ เราขอแนะนำให้เริ่มจากช่องทางนี้ก่อนเลยค่ะ ลูกค้าได้ทั้งของมือถือและคอมพิวเตอร์ ที่สำคัญยอดแชร์ก็ช่วยให้เข้าถึงฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นด้วยนะคะ Instagram Live : ฟีเจอร์นี้ก็มาแรงไม่แพ้กันเลยค่ะ ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เลย ถ้าหากคุณมีผู้ติดตามมากพอก็น่าสนใจที่จะเลือกไลฟ์ผ่านช่องทางนี้ แต่ข้อเสียอย่างนึง คือ ลูกค้าจะชมไลฟ์ได้ผ่านแค่มือถือเท่านั้นนะคะ  2. โปรโมทการไลฟ์สดล่วงหน้า  หลายคนเวลาจะไลฟ์สดมักจะกังวลว่า “จะมีคนมาดูไลฟ์ไหม?”, “คนจะรู้ได้ไงว่าฉันกำลังไลฟ์อยู่?”แน่นอนเลยค่ะว่าทางออกที่ดีที่สุด คือ ก่อนการไลฟ์สดเราควรโพสต์ข้อความบอกลูกค้ากันสักนิด เพื่อที่ลูกค้าจะได้เตรียมตัวและมาชมไลฟ์เราได้ถูกเวลา แถมยังเป็นอีกส่วนนึงที่ช่วยให้เรารู้ด้วยลูกค้าสะดวกจะเข้ามาชมเวลานั้นหรือไม่ การที่เราแจ้งเตือนลูกค้าก่อนก็ช่วยให้ลูกค้าเข้ามาดูเรา  เพิ่มขึ้นได้เหมือนกัน อย่าลืมบอกให้ลูกค้าตั้งเวลารอเรานะ! 3. วางแผนกิจกรรมในไลฟ์ กดปุ่มเริ่มต้นไลฟ์สดไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสิ่งที่ยากกว่าคือ เราจะพูดยังไงดี! […]