5 กลยุทธ์ที่ช่วยให้คุณเพิ่มโอกาสในการขาย ช่วยให้ยอดขายพุ่ง!

ในช่วงที่การแข่งขันสูงขึ้น และผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่ลดลง หลายคนอาจกำลังประสบกับปัญหา “ยอดขายตก” บทความในครั้งนี้เรานำเสนอ 5 กลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย ซึ่งคุณสามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกอุตสาหกรรม เลือกหัวข้อที่น่าสนใจและอย่าลืมนำไปปรับใช้กันดูนะคะ

1. เขียนข้อความให้น่าสนใจและดึงดูด

สิ่งสำคัญเมื่อคุณเริ่มต้นทำคอนเทนต์ คุณต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าหยุดสายตาเพื่ออ่านคอนเทนต์ของคุณ สิ่งที่ง่ายที่สุด คือ การบอกสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าของคุณจะได้รับ หรือทำคอนเทนต์ที่อิงกับกระแสสังคมในช่วงเวลานั้น ๆ ค่ะ หากคุณเลือกที่ทำโดยการให้สิทธิประโยชน์ คุณก็ต้องสำรวจและวิเคราะห์ดูก่อนนะคะว่าจริง ๆ แล้วลูกค้านั้นมีความต้องการอะไร เช่น ลูกค้าที่ส่งของ มักชื่นชอบการได้ส่งฟรี เป็นต้น ส่วนถ้าคุณอยากอิงตามกระแส คุณก็ต้องมีทีมที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว เพราะสมัยนี้กระแสมาไวไปไว ถ้าคุณทำคอนเทนต์ช้า ก็อาจจะตกเทรนด์ แต่ถ้าคุณทำได้ทันเวลาและทำได้อย่างสร้างสรรค์ ก็จะโดนใจผู้บริโภคไปเต็ม ๆ 

2. ทำให้ทุกอย่างรองรับ “มือถือ”

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าแทบทุกคนใช้สมาร์ทโฟนกันหมด ไม่ว่าจะเล่นโซเชียลมีเดียหรือค้นหาข้อมูล นอกจากใช้คอมพิวเตอร์แล้ว คนส่วนใหญ่ก็มักจะค้นหาข้อมูลผ่านทางมือถือด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้าม หากคุณมีเว็บไซต์ คุณต้องให้ความสำคัญในการออกแบบให้เว็บไซต์รองรับกับมือถือด้วย หากเว็บไซต์ของคุณยังไม่รองรับ เมื่อลูกค้าเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์เขาก็ดูข้อมูลแบบไม่มีประสิทธิภาพ ใช้งานได้ไม่ดี และอาจเกิดความไม่พอใจ รำคาญใจ จนอาจออกจากเว็บไซต์ไป ส่งผลให้คุณก็เสียโอกาสในการขายด้วยเช่นเดียวกัน

3. เสนอให้ลูกค้าทดลองใช้สินค้าหรือบริการ 

ถ้าคุณจำหน่ายสินค้าหรือริการใหม่ เป็นสิ่งที่คนไม่คุ้นเคย คุณก็ควรให้ข้อเสนอเป็นสินค้าทดลองแก่ลูกค้า เพื่อที่จะช่วยในกระบวนการตัดสินใจซื้อของลูกค้าค่ะ เมื่อลูกค้าได้ทดลองใช้งานจริงแล้วเขาเกิดความประทับใจ เขาจะกลับมาซื้อสินค้าซ้ำ หรือหากยังไม่ได้ซื้อในทันทีแต่ในอนาคตหากเขาถึงเวลาถึงต้องใช้ เขาอาจจะนึกถึงเราเป็นคนแรก ๆ เลยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น SHIPPOP เราให้ลูกค้าจองขนส่งออนไลน์ได้ แต่ลูกค้าใหม่ ๆ มักยังไม่คุ้นชินและยังไม่ค่อยเข้าระบบใช่ไหมคะ เราเลยเสนอโค้ดส่วนลดค่าขนส่งให้แก่ “ลูกค้าใหม่” เพื่อที่ลูกค้าจะได้ทดลองใช้บริการขนส่ง และเข้าใจเกี่ยวกับการจองขนส่งออนไลน์เพิ่มขึ้น เป็นต้น

4. ใช้วิดีโอในการสื่อสารกับลูกค้า

การใช้วิดีโอช่วยได้มากจริง ๆ ค่ะ เพราะลูกค้าเห็นภาพ เข้าใจง่าย ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และยังเป็นการช่วยลดขั้นตอนการทำงานด้วยนะคะ การใช้วิดีโอเข้ามาช่วยธุรกิจ สามารถทำได้หลากหลายรูปเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ วิดีโอเพื่อการประชาสัมพันธ์ วิดีโอสอนการใช้งาน แต่ละแบบก็จะมีประโยชน์แตกต่างกัน แน่นอนว่าเหมาะกับลูกค้าคนละกลุ่มเป้าหมายนะคะ  เช่น วิดีโอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เหมาะกับลูกค้าใหม่ ที่ยังไม่เคยใช้บริการ ในขณะที่วิดีโอสอนการใช้งาน จะเหมาะกับลูกค้าที่ใช้บริการของเราอยู่แล้วค่ะ 

คุณสามารถเข้าไปดูรูปแบบวิดีโอและศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ : https://blog.shippop.com/video/

5. เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

คนที่ควรเข้าใจลูกค้าของเราได้ดีที่สุด คือ ตัวของเราเอง ถ้าคุณไม่รู้จักลูกค้าของคุณ แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าควรพัฒนาธุรกิจไปในทิศทางใด? การที่คุณรู้จักลูกค้าว่าลูกค้าเป็นใคร ต้องการอะไรมากที่สุด คุณจะเข้าใจว่าคุณควรทำคอนเทนต์ หรือพัฒนาธุรกิจอะไรออกมาเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า ยิ่งถ้าคุณพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ลูกค้าก็จะอยู่กับคุณไม่หนีไปไหนแน่นอนค่ะ

SHIPPOP เราทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หากคุณมีปัญหาเรื่องของการส่งของ เราก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยประสานงานและแก้ไขปัญหาให้กับคุณ เมื่อต้องการส่งของ อย่าลืมนึกถึง SHIPPOP นะคะ

เริ่มต้นใช้งาน “ฟรี”