ระบบตัวแทนจำหน่ายคืออะไร แบบไหนเหมาะสมกับคุณ??

ปัจจุบันธุรกิจค้าขายในโลกออนไลน์กำลังมาแรง มีช่องทางให้ซื้อขายสินค้าหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น marketplace ชื่อดังอย่าง Lazada หรือ Shopee และโซเซียลมีเดียที่เข้าถึงคนจำนวนมากอย่าง facebook ig ฯลฯ โดยสินค้าที่ขายก็มีมากมาย ไม่ว่าจะขายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ครีม อาหารเสริมต่าง ๆ ถือเป็นธุรกิจที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ ทำให้เจ้าของร้านค้าที่ต้องการเพิ่มยอดขาย เลือกใช้วิธีเปิดรับตัวแทนจำหน่ายสินค้า 

ตัวแทนจำหน่ายสินค้ามีความแตกต่างกันไปในแต่ละแบรนด์สินค้า แต่เราสามารถแบ่งประเภทออกมาได้ 3 รูปแบบดังนี้

       1.ตัวแทนจำหน่ายแบบไม่สต๊อคสินค้า

ตัวแทนจำหน่ายที่เรียกว่า “ไม่สต๊อคสินค้า” หรือ “Dropship” เหมาะกับแม่ค้ามือหม่ที่ยังไม่มีทุน หรือกำลังอยู่ในวัยเรียน ไม่มีเวลา ต้องการแค่อยากหารายได้เสริม เพราะตัวแทนมีหน้าที่แค่เพียงการโพสหาลูกค้าเท่านั้น แต่หน้าที่แพคของ ส่งของถึงมือลูกค้า เป็นหน้าที่ของเจ้าของแบรนด์ทั้งหมด ถือว่าเป็นประเภทตัวแทนที่กำลังมาแรงมากๆ ในช่วงนี้

ข้อดีของระบบตัวแทนจำหน่ายแบบไม่สต๊อค (Dropship)

  • หน้าที่โพสขายเป็นของตัวแทน หน้าที่ส่งของเป็นของบริษัท
  • เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลา หรือพื้นที่ไว้สต๊อคสินค้า
  • ของไม่จมกับตัวแทนที่ขายไม่ได้
  • ตัวแทนมีหน้าที่ขายอย่างเดียว

     2.ตัวแทนจำหน่ายแบบสต๊อคสินค้า

ตัวแทนจำหน่ายที่เรียกว่า “สต๊อคสินค้า” ถือเป็นตัวแทนจำหน่ายแบบแรกๆ ที่เกิดขึ้น ตัวแทนนั้นมีหน้าที่การขาย การหาลูกค้า แพคของ รวมทั้งการส่งของถึงมือลูกค้า โดยจะต้องซื้อสินค้าจากเจ้าของแบรนด์มาสต๊อคไว้ที่ตัวเอง ตัวแทนจำหน่ายแบบสต๊อคสินค้า จึงเหมาะสำหรับตัวแทนจำหน่ายที่มีทุนทรัพย์ในการลงทุน มีเวลาในการแพคของ ส่งของ เปรียบเสมือน แม่ค้าออนไลน์เต็มตัวเลย

ข้อดีของระบบตัวแทนจำหน่ายแบบสต๊อค

  • สั่งของมารอรับของไปสต๊อคไว้ที่บ้านได้เลย
  • ลดขั้นตอนในการสั่งสินค้าส่งให้ลูกค้า
  • สินค้าพร้อมส่งด้วยตัวเอง นัดรับสินค้ากับลูกค้าได้ทันที
  • รับตัวแทนต่อได้ มีลูกทีมในสายช่วยกันกระจายสินค้า
  • กำไรเยอะขึ้นไปตามจำนวนชิ้นในการลงทุน สต๊อคมากขึ้น กำไรเพิ่มขึ้น

     3.ตัวแทนจำหน่ายแบบฝากส่ง

ตัวแทนจำหน่ายที่เรียกว่า “ฝากส่ง” เป็นตัวแทนรูปแบบใหม่แต่ความต้องการในการใช้งานสูง นั่นเพราะเป็นการขายออนไลน์ที่ได้กำไรเยอะกว่า Dropship รูปแบบนี้ตัวแทนไม่ต้องส่งของเอง แต่ตัวแทนมีหน้าที่แค่เพียงการโพสขาย หาขายลูกค้าเท่านั้น  เหมือนกับรูปแบบตัวแทนไม่สต๊อคสินค้า ในส่วนของหน้าที่แพคของ ส่งของถึงมือลูกค้า เป็นหน้าที่ของเจ้าของแบรนด์ทั้งหมด การเป็นตัวแทนแบบฝากส่งได้นั้น ตัวแทนจะต้องสต๊อคสิน้คาโดยการโอนค่าสินค้าในราคาสต๊อค แต่ฝากของไว้กกับบริษัทเจ้าของแบรนด์ เมื่อถึงเวลาขายให้กับลูกค้าแล้วนั้น ตัวแทนเพียงแจ้งออเดอร์เพื่อให้เจ้าของแบรนด์ได้จัดการจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าแทน

ข้อดีของระบบตัวแทนจำหน่ายแบบฝากส่ง

  • รองรับการโอนเงินมาลงทุน แต่ไม่ต้องส่งของเอง
  • กำไรเยอะขึ้นไปตามจำนวนชิ้นในการลงทุน
  • เหมาะกับคนที่ไม่มีเวลา หรือพื้นที่ไว้สต๊อคสินค้า
  • ของไม่จมกับตัวแทนที่ขายไม่ได้
  • ตัวแทนมีหน้าที่ขายอย่างเดียว
  • ตัดสต๊อคที่ฝากไว้แบบ Realtime เมื่อมีการฝากส่ง

ระบบตัวแทนแต่ละแบบก็มีความเหมาะสมกับแม่ค้า พ่อค้าออนไลน์แตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นตัวแทนแบบไหน ก็หมดปัญหาเรื่องขนส่งไปได้เลย ด้วย SHIPPOP ระบบจัดการขนส่ง ที่ช่วยให้คุณสะดวกมากขึ้นไปอีกกับบริการจองขนส่งออนไลน์ เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการขนส่งได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว สามารถเลือกจองขนส่งได้ตามที่คุณต้องการ สามารถเปรียบเทียบราคาค่าจัดส่งสินค้า ชำระเงินออนไลน์ได้ง่ายๆ ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต สามารถออกหมายเลขพัสดุ และพิมพ์ใบปะหน้าพัสดุได้จากระบบทันที รวมถึงการติดตามสถานะพัสดุได้ผ่านระบบอีกด้วย ทำให้ท่านสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและวางแผนค่าขนส่งล่วงหน้าได้อย่างง่ายดาย

SHIPPOP เราเป็นแพลตฟอร์มจองขนส่งออนไลน์ ที่ช่วยให้คุณเปรียบเทียบราคาค่าส่งได้ โดยมมีขนส่งรองรับมากกว่า 10 ขนส่ง ช่วยให้แม่ค้ามีหลายทางเลือก คำนวณต้นทุนได้ง่ายขึ้น!

เริ่มต้นใช้งาน