หากธุรกิจของคุณขายสินค้าใน Facebook อยู่แล้ว คุณเคยคิดที่จะเปิดขายสินค้าผ่านทางFacebook Group ด้วยหรือยัง เพราะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลัง และช่วยดึงดูดลูกค้าได้ ปัจจุบันการทำกลุ่มเฟซบุ๊กมีอยู่หลายรูปแบบ เราจะมาดูกันว่าธุรกิจของเราเหมาะกับการเปิดกลุ่มแบบใด และการเปิดกลุ่มนั้นมีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจของคุณ
ประเภทของกลุ่ม Facebook
สิ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจก่อนเปิด Facebook Group คือต้องรู้ว่าการเปิดกลุ่มนั้นมีกี่แบบ เพื่อทำการพิจารณาว่าธุรกิจของเราเหมาะกับการเปิดกลุ่มในรูปแบบใด
1. Public : สาธารณะ
ทุกคนที่อยู่บน Facebook สามารถค้นหากลุ่มของคุณได้ สามารถเห็นโพสต์ต่าง ๆ ในกลุ่ม รวมถึงสิ่งที่คนในกลุ่มพูดคุย แสดงความคิดเห็นกัน และคนอื่นยังสามารถดูได้ด้วยว่าในกลุ่มของคุณมีใครอยู่บ้าง สิ่งที่ควรระวัง คือ “สแปม” เพราะเมื่อคุณเปิดสาธารณะนั้นหมายความว่าใครจะมาโพสต์อะไรก็ได้ ดังนั้นคุณจะต้องทำการลบโพสต์ที่เป็นสแปม หรือโพสต์ที่ไม่เหมาะสมและส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์
2. Private : ส่วนตัว
เป็นการเปิดกลุ่มแบบส่วนตัว ซึ่งจะแบ่งย่อยออกเป็น 2 แบบค่ะ
2.1 Private – Visible
กลุ่มส่วนตัวที่เปิดการมองเห็น หมายความว่า ทุกคนที่อยู่ใน Facebook สามารถค้นหากลุ่มของคุณเจอ แต่ผู้คนเหล่านั้นจะไม่เห็นโพสต์ต่าง ๆ ที่อยู่ในกลุ่ม มีเพียงสมาชิกกลุ่มเท่านั้นที่สามารถเห็นโพสต์และแสดงความคิดเห็นกันได้ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถขอเข้าร่วมกลุ่มได้นะคะ โดยจะต้องรอให้แอดินหรือผู้ดูแลกลุ่มเป็นคนกดอนุมัติคำขอ
2.2 Private – Hidden
กลุ่มส่วนตัวแบบที่เป็นกลุ่มลับ เป็นแบบเดียวกันกับ Private – Visible ค่ะ แต่ต่างกันตรงที่ กลุ่มนี้จะไม่ปรากฎในหน้าค้นหา หากผู้ใช้งานต้องการเข้าร่วมกลุ่ม ผู้ใช้งานจะต้องได้รับ URL โดยตรงอย่างเดียวเท่านั้น
Facebook Group มีประโยชน์อย่างไรกับธุรกิจ?
1. แจ้งประกาศหรือข่าวสารอัปเดต
เมื่อคุณมีประกาศสำคัญหรืออัปเดตข้อมูลสินค้า คุณสามารถแจ้งให้ลูกค้าผ่านทางหน้าเพจหรือทางกลุ่มก็ได้นะคะ แต่ในบางกรณีถ้าคุณมีลูกค้า VIP คุณอาจจะอัปเดตสินค้าใหม่ให้ลูกค้ากลุ่มนี้ทราบล่วงหน้าได้ เพื่อเป็นการให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่าลูกค้าทั่วไปค่ะ
2. เก็บแบบสำรวจจากลูกค้า
ในกลุ่มสามารถทำแบบสำรวจ สร้างโพลได้ค่ะ หากคุณเปิดกลุ่มแบบที่มีเฉพาะลูกค้าของเราจริง ๆ คุณอาจเปิดโหวตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าต้องการสินค้าแบบไหน อยากได้สีอะไร เป็นต้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการที่แบรนด์นำข้อมูลในส่วนนี้ไปต่อยอดธุรกิจค่ะ
3. เปิดให้สมาชิกรีวิวสินค้า แลกเปลี่ยนวิธีการใช้งาน
ถ้าคุณมีสินค้าหลากหลาย คุณอาจเปิดให้สมาชิกรีวิวสินค้าต่าง ๆ ของคุณได้ เพื่อเป็นกระตุ้นลูกค้าคนอื่น ๆ เนื่องจากลูกค้าแต่ละคนอาจจะซื้อสินค้าของคุณแตกต่างกัน ดังนั้นการที่ลูกค้ามารีวิวก็เหมือนการบอกต่อเพื่อน เรียกได้ว่าเป็นการป้ายยา เชิญชวนให้คนอื่น ๆ ซื้อตามนั่นเองค่ะ
4. ให้โปรโมชั่นพิเศษกับลูกค้า
ถ้าคุณเปิดกลุ่มแบบส่วนตัวสำหรับลูกค้าสิทธิพิเศษ ลูกค้า VIP หรือมีการแยกลูกค้าเป็นกลุ่มต่าง ๆ คุณอาจจัดโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้ โดยสมาชิกในกลุ่มก็จะได้รับโปรโมชั่นที่แตกต่างกัน และอย่าลืมทำการวัดผลด้วยนะคะว่าในการจัดโปรโมชั่นแต่ละครั้ง แบบใดได้ผลดีสุด
SHIPPOP เรามีขนส่งรองรับมากกว่า 18 ขนส่ง ให้บริการครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย ส่งสินค้าได้หลากหลาย ที่สำคัญคือเรามีทีมงานคอยช่วยเหลือติดตามพัสดุของคุณ และมีระบบหลังบ้านช่วยจัดการเรื่องส่งของที่เปิดให้ใช้งานได้ “ฟรี” ระบบเราใช้งานง่าย แถมยังได้ค่าส่งราคาดี ช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำไรให้กับคุณได้ด้วยนะคะ