5 เทคนิคช่วยปั้นแบรนด์และสินค้าของเราให้ยอดขายพุ่ง

การขายของออนไลน์ไม่ง่ายอย่างที่คิด เราเริ่มต้นขายออนไลน์ง่ายก็จริงค่ะ แต่ว่าจะทำยังไงให้สินค้าขายดี? ทำยังไงให้สินค้าติดตลาด? ทำยังไงลูกค้าถึงจะมาซื้อสินค้ากับเรา? และอีกหลากหลายคำถามที่แม่ค้าออนไลน์จะต้องพบเจอ สิ่งสำคัญคือเราทุกคนอยากให้สินค้าของเราขายดีออเดอร์เข้าต่อเนื่องใช่ไหมคะ วันนี้ SHIPPOP จะมาแชร์เทคนิคให้ดูกันค่ะว่าร้านค้าควรเริ่มจากทำสิ่งใดก่อน และต้องปฎิบัติตัวอย่างไรเพื่อมัดใจลูกค้า

1. ลูกค้าอยู่ที่ไหน ให้ไปขายที่แพลตฟอร์มนั้น

การขายของออนไลน์ในยุคสมัยนี้ต้องยอมรับเลยว่ามีตัวเลือกให้แม่ค้าเยอะมากจริง ๆ ค่ะ ไม่ว่าขายผ่านทางโซเชียลมีเดียหรือขายผ่านทางมาร์เก็ตเพลส ก็สามารถเปิดร้านค้าได้ง่ายมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมีร้านค้าในทุก ๆ แพลตฟอร์มนะคะ เพราะในแต่ละแพลตฟอร์มจะมีผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน ช่วงอายุการใช้งานก็ต่างกันไปค่ะ ดังนั้นนะคะ สิ่งที่ดีที่สุดคือ เราต้องทำการวิเคราะห์และสำรวจกลุ่มลูกค้าของเราให้ดีค่ะว่าสินค้าของเราตอนนี้เหมาะกับคนกลุ่มไหน ไลฟ์สไตล์เป็นยังไง เช่น ลูกค้าที่เป็นวัยรุ่น ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในทวิตเตอร์เป็นหลัก เป็นต้น

2. สร้างแคมเปญหรือกิจกรรมส่งเสริมการขาย

ช่วงแรกในการขายของออนไลน์ก็จะยังไม่ค่อยมีลูกค้า ไม่มีคนรู้จักเรา ดังนั้นเราควรออกโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาสนใจสินค้าในร้านค้าของเราค่ะ ซึ่งการทำแคมเปญสามารถทำได้หลายหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น การจัดเซ็ทของขวัญ, การลดราคาสินค้า, ซื้อ 1 แถม 1, หรืออาจแจกของรางวัล โดยกำหนดเงื่อนไขให้ลูกค้าได้เข้าร่วมด้วย เช่น บอกเหตุผลที่อยากได้สินค้าชิ้นนี้ พร้อมกับติดแท็กหาเพื่อน หรือให้แคปโพสต์ของเราเพื่อแชร์ต่อ อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้ร้านค้าของเรามีการ “แชร์” และการเกิดบอกต่อเพิ่มมากขึ้นด้วยนะคะ 

3. ลูกค้าต้องซื้อขายง่าย ขั้นตอนไม่วุ่นวาย

ไม่มีใครชอบทำอะไรที่ยุ่งยากใช่ไหมคะ? ลูกค้าก็เช่นเดียวกันค่ะ ดังนั้นวางแผนให้ดีเลยว่าสินค้า 1 ชิ้น ถ้าลูกค้าต้องการสั่งซื้อเขาจะต้องทำกี่ขั้นตอนถึงจะสั่งซื้อได้สำเร็จ เช่น ต้องทักแชทมาหาร้านค้าก่อน แล้วทำการสอบถาม เลือกซื้อสินค้ากำหนดขนาด/สี ทำการชำระเงิน แจ้งที่อยู่จัดส่ง รอพัสดุ ซึ่งอันนี้นับได้ว่าเป็นเรื่องปกติของการขายออนไลน์เลยค่ะ แต่เราสามารถทำให้ง่ายกว่านั้นได้หรือไม่? โดยการตั้งค่าแชทให้ตอบลูกค้าโดยอัตโนมัติ หรือเรามีลิ้งก์ให้ลูกค้าสามารถเข้าไปสั่งซื้อสินค้าได้ด้วยตนเองไหม ยิ่งลดขั้นตอนได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะช่วยปิดการขายให้เราได้ดีมากยิ่งขึ้นค่ะ เพราะลูกค้าจะตัดสินใจซื้อได้รวดเร็ว

4. ตอบลูกค้าให้ไว อย่าดองแชทนาน

ยิ่งตอบไวยิ่งปิดการขายได้ดี เพราะถ้าเราตอบแชทลูกค้าช้า ระหว่างนั้นลูกค้าอาจจะเกิดความไม่พอใจ ไม่ประทับใจกับบริการร้านค้าของเรา หรืออาจจะไปสินค้าที่เหมือนกันจากร้านค้าของคนอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าเกิดการเปลี่ยนใจกระทันหัน และหันไปซื้อสินค้าจากร้านค้าคู่แข่งของเราได้ทันทีเลยค่ะ และเขาก็อาจจะไปบอกคนรอบตัวอีกว่าร้านค้าของเราให้บริการไม่ดี ซึ่งแน่นอนว่าไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์เลย ดังนั้นตอบแชทลูกค้าให้ไวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ หรือหากมีจำนวนแชทเยอะ ก็ต้องใช้แชทบอทเข้ามาช่วยตอบลูกค้า เพื่อทำให้การซื้อขายนั้นคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

5. ให้บริการด้วยความจริงใจ ไม่เน้นขายของมากจนเกินไป

ใคร ๆ ก็อยากขายของได้ แต่ถ้าอยากขายมากจนเกินไป ลูกค้าก็เดาทางเราได้นะคะ ว่าสิ่งที่เราแนะนำให้กับลูกค้าไม่จริงใจแต่อยากขายอย่างเดียว ซึ่งความรู้สึกแบบนี้จะทำให้ลูกค้าเกิดความแคลงใจว่า เอ๊ะ สรุปแล้วสิ่งที่เขาได้รับคำแนะนำจากร้านค้านั้นจริงหรือไม่ เชื่อถือได้หรือเปล่า และมีแนวโน้มว่าลูกค้าจะไม่ซื้อสินค้าจากเราค่ะ ดังนั้นเราควรจริงใจกับลูกค้า ให้คำแนะนำกับลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา ถึงแม้ว่าสินค้าชิ้นนี้อาจจะไม่เหมาะกับลูกค้า เราก็แจ้งลูกค้าไปตรง ๆ หรือทำการเลือกสินค้าชิ้นอื่น ๆ เสนอให้กับลูกค้าแทน หากลูกค้าไม่ตัดสินใจซื้อในทันที แต่รับรองเลยค่ะเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาอยากได้สินค้า เขาก็จะนึกถึงร้านค้าของเราเป็นร้านแรก ๆ เพราะประทับใจกับบริการของเรานั่นเองค่ะ

SHIPPOP เรามีขนส่งรองรับมากกว่า 18 ขนส่ง ให้บริการครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย ส่งสินค้าได้หลากหลาย ที่สำคัญคือเรามีทีมงานคอยช่วยเหลือติดตามพัสดุของคุณ และมีระบบหลังบ้านช่วยจัดการเรื่องส่งของที่เปิดให้ใช้งานได้ “ฟรี” ระบบเราใช้งานง่าย แถมยังได้ค่าส่งราคาดี ช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำไรให้กับคุณได้ด้วยนะคะ

หากลูกค้าที่สงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ติดต่อ Line : @SHIPPOP  โทร. 092-905-3355
SHIPPOP ช่วยให้เรื่องการส่งของเป็นเรื่องง่าย เริ่มต้นใช้งานได้ที่

ใช้งานฟรี