Instagram เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มยอดนิยมที่เหล่าคนขายของเลือกใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขายของออนไลน์ แต่หลายครั้งเราก็มักจะเจอปัญหาว่าโพสต์ทีไร ลูกค้าก็ไม่ค่อยส่วนร่วมกับโพสต์เท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการกดเลิฟหรือการคอมเมนต์ เป็นต้น วันนี้เราจะมาดูกันว่าเราควรทำอย่างไรเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม
1. โพสต์สม่ำเสมอ
ความสม่ำเสมอในการโพสต์เนื้อหาสำคัญมากเลยค่ะ ไม่ใช่แค่เฉพาะ Instagram อย่างเดียวนะคะ แต่เป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญกับทุกแพลตฟอร์มที่เราใช้ แต่ในบทความนี้เราจะพูดถึงแค่ในส่วนของ Instagram อย่างเดียว เราจะต้องทำการวางแผนเนื้อหาว่าจะสร้างเนื้อหารูปแบบใดบ้าง เช่น ภาพถ่าย, วิดีโอ, Live, Reels, IGTV เป็นต้น เพราะการที่คุณโพสต์เนื้อหาหลายรูปแบบก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เข้าถึงผู้ชมได้มากยิ่งขึ้น ลูกค้าจะมองเห็นโพสต์ของคุณ และมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
2. ใช้แฮชแท็กอย่างมีประสิทธิภาพ
ในการสร้างเนื้อหาเรารู้กันดีว่าแฮชแท็กเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ลูกค้าจะเจอโพสต์ของคุณได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่คุณต้องทราบคือ การใส่แฮชแท็กเยอะ 20-30 แฮชแท็กอาจไม่ได้เป็นผลดีต่อแบรนด์คุณมากนัก ดังนั้นจะดีกว่าหากคุณวิเคราะห์อย่างจริงจังแล้วเลือกใช้แฮชแท็กที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เลือกใช้แฮชแท็กที่เป็นที่นิยม หลีกเลี่ยงแฮชแท็กที่ถูกแบนหรือสแปมค่ะ
3. โพสต์ในเวลาที่ดีที่สุด
กลยุทธ์นี้เราจะต้องดูข้อมูลหลังบ้าน วิเคราะห์จากลูกค้าของเราค่ะ ว่าช่วงเวลาไหน วันไหนบ้างที่เราโพสต์แล้วลูกค้ามีส่วนร่วมมากที่สุด ช่วงแรกอาจจะต้องลองกันหลายรูปแบบ และอาจจะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อทำการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ออกมา แต่ถ้าคุณเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างจริงจัง คุณจะได้คำตอบว่าคุณควรโพสต์วันไหน เวลาไหน ควรมีอัตราความถี่ในการโพสต์เท่าไหร่
4. มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าของคุณ
การที่โพสต์ใน Instagram แน่นอนเลยว่าจะมีลูกค้าเข้ามาดูโพสต์ กดเลิฟ และมีการคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นในโพสต์ของเรา เห็นแบบนั้นแล้วอย่าลืมที่จะเข้าไปตอบกลับลูกค้า เพราะนี่จะเป็นสิ่งที่สร้างปฎิสัมพันธ์กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี และอีกช่องทางที่ลูกค้ามักจะติดต่อคือการ DM หรือการทักแชทส่วนตัวหาแบรนด์นั่นเองค่ะ อย่าลืมเข้าไปเช็กข้อความบ่อย ๆ พยายามตอบกลับลูกค้าให้ไว หรือถ้าคุณไม่ต้องตอบ ก็ควรระบุให้ชัดเจนว่าแบรนด์คุณไม่ตอบ DM แต่คุณควรที่จะระบุช่องทางการติดต่อให้ชัดเจนนะคะว่าลูกค้าสามารถติดต่อคุณได้ที่ช่องทางใดบ้าง
5. ใช้ Instagram Analytics เพื่อวัดความสำเร็จของคุณ
ข้อนี้มีความเหมือนกับข้อ 3 เพราะคุณจะต้องทำการวิเคราะห์ข้อมูล แต่อันนี้เราจะดูเจาะลึกมากกว่าช่วงเวลาในการโพสต์ค่ะ คุณอาจจะลงเนื้อหาหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น ภาพถ่าย, วิดีโอ, Reels เพื่อดูว่าจริง ๆ แล้วกลุ่มลูกค้าของคุณชื่นชอบเนื้อหาแบบไหน ในส่วนนี้ถ้าคุณวิเคราะห์ได้การวางแผนสร้างเนื้อหาก็จะง่ายมากยิ่งขึ้น คุณจะเข้าใจทันทีว่าเนื้อหาต่อ ๆ ไปของแบรนด์เราควรมีรูปแบบประมาณไหนลูกค้าถึงจะเข้ามามีส่วนร่วมค่ะ
SHIPPOP เรามีขนส่งรองรับมากกว่า 18 ขนส่ง ให้บริการครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย ส่งสินค้าได้หลากหลาย ที่สำคัญคือเรามีทีมงานคอยช่วยเหลือติดตามพัสดุของคุณ และมีระบบหลังบ้านช่วยจัดการเรื่องส่งของที่เปิดให้ใช้งานได้ “ฟรี” ระบบเราใช้งานง่าย แถมยังได้ค่าส่งราคาดี ช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำไรให้กับคุณได้ด้วยนะคะ