6 Checklist เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนเริ่มต้นขายสินค้าออนไลน์

หากคุณกำลังอยากเพิ่มช่องทางการขายด้วยการขายสินค้าออนไลน์ แต่ไม่รู้จะเตรียมตัวอย่างไร เริ่มต้นไม่ถูก วันนี้ SHIPPOP เราจะมาแนะนำ 6 Checklist ที่ช่วยให้คุณได้สำรวจความพร้อมตัวเองและตรวจสอบก่อนว่าคุณพร้อมที่จะขายออนไลน์แล้วหรือยัง เรามาเริ่มเช็กไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

1. ชื่อร้านค้า

ชื่อร้านเป็นสิ่งที่ลูกค้าจะต้องจดจำเราได้ เพราะฉะนั้นเราควรคิดชื่อให้ “สั้นและง่าย” เพื่อที่จะช่วยให้ลูกค้าจดจำเราได้ และสามารถค้นหาง่าย แต่จริง ๆ แล้วการตั้งชื่อก็มีหลากหลายวิธีมากเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเอาชื่อของตัวเรามาตั้งเป็นชื่อร้าน หรือการตั้งชื่อด้วยความหมายดี ๆ 

แต่ถ้าจะให้ดีก่อนจะตั้งชื่อร้านลองลิสต์รายชื่อที่เราชื่นชอบ แล้วทำการสำรวจดูก่อนค่ะว่ามีร้านอื่น ๆ ที่ชื่อเดียวกับเราหรือไม่ มีร้านชื่อซ้ำมากน้อยขนาดไหน เพราะถ้าหากมีร้านที่ชื่อซ้ำกับเรามากเกินไป เวลาลูกค้าค้นหาข้อมูลจากชื่อร้านก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะไปเจอร้านคู่แข่งของเราแทน หรืออาจจะหาร้านเราไม่เจอเลยนั้นเองค่ะ

2. สินค้า

คำถามยอดฮิตที่เรามักจะเจอบ่อย คือ “ขายอะไรดี?” หากคุณไม่รู้จะขายอะไร คุณควรเริ่มจากสิ่งที่คุณชื่นชอบหรือสิ่งที่เราสนใจค่ะ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่คุณมีความรู้ และคุณมักจะติดตามข่าวสารเทรนด์ใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญคือ คุณจะสามารถให้คำแนะนำแก่ลูกค้าของคุณได้อย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นจุดเด่นอีกอย่างนึงให้กับร้านค้าของคุณด้วยนะคะ เนื่องจากเมื่อคุณให้คำแนะนำกับลูกค้าได้ ให้บริการลูกค้าเป็นอย่างดี ลูกค้าก็จะเกิดความประทับใจและมีแนวโน้มที่จะกลับมาซื้อสินค้าซ้ำด้วยนะคะ

3. เงินลงทุน

สิ่งสำคัญในการเริ่มต้นทำธุรกิจนั้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “เงินลงทุน” ค่ะ ลองสำรวจตัวเองก่อนว่า คุณมีเงินลงทุนในการเริ่มต้นธุรกิจเท่าไหร่? หากมีเงินจำนวนมาก คุณก็สามารถเดินเข้าไปในแหล่งขายส่งเพื่อเลือกซื้อสินค้าที่คุณจะนำมาจำหน่ายได้ทันที หรือหากคุณมีเงินก้อนโต คุณก็สามารถที่จะออกแบบสินค้า และผลิตสินค้าเพื่อทำแบรนด์เป็นของตนเองได้ 

แต่หากไม่มีเงินลงทุน หรือมีเงินตั้งต้นแค่นิดหน่อยล่ะ คุณจะทำอย่างไร? คำตอบคือ คุณควรมองหาแบรนด์ที่เขาเปิด “รับสมัครตัวแทนจำหน่าย” เนื่องจากใช้เงินลงทุนน้อย คุณสามารถนำสินค้าโพสต์ขายได้ทันที แต่ตัวแทนจำหน่ายก็มีหลากหลายรูปแบบเลยค่ะ ทั้งแบบสต๊อกสินค้าเอง หรือไม่สต๊อกสินค้าเลย ซึ่งจะมีข้อแตกต่างกันอยู่นะคะ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ : https://blog.shippop.com/dropship/

4. ช่องทางจำหน่ายสินค้า

ช่องทางการขายออนไลน์ก็เปรียบเสมือนเป็นหน้าร้านค้าของเราดี ๆ เลยนี่เอง ปัจจุบันมีหลายแพลตฟอร์มที่เราสามารถเข้าไปขายได้ แต่ละแพลตฟอร์มก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ทั้งในแง่ของรูปแบบการใช้งานหรือแม้แต่กลุ่มผู้ใช้งานค่ะ ซึ่งอันนี้สำคัญนะคะ เพราะเราต้องรู้ด้วยว่าแพลตฟอร์มที่เราจะเข้าไปขายนั้นตรงกับกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มลูกค้าของเราหรือไม่ หลัก ๆ ขอแบ่งช่องทางการขายออกเป็น 2 แบบ คือ

4.1 Social Media

ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter หรือ TikTok ก็สามารถเข้าไปขายสินค้าได้หมดเลยค่ะ ที่สำคัญคือไม่เสียค่าบริการเลย ถ้าอยากเน้นการไลฟ์สดขายสินค้า คุณอาจจะเหมาะกับ Facebook หรืออยากทำคลิปให้คนรู้จักสินค้าของเรา ทำการ Tie-in สินค้าอย่างเนียน ๆ การถ่ายคลิปลง TikTok หรือ Reels ก็เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

4.2 E-Marketplace

คงหนีไม่พ้นเจ้าใหญ่อย่าง Lazada และ Shopee แน่นอนค่ะ แต่อันนี้อยากให้ทุกคนดูเงื่อนไขการขายของแต่ละแพลตฟอร์มก่อนนะคะ เพราะว่าจะมีปัจจัยให้เราตัดสินใจ อย่างเช่น การเข้าร่วมแคมเปญกับแพลตฟอร์ม การทำโปรโมชั่น รูปแบบการลงสินค้า หรือกลุ่มเป้าหมายที่นิยมใช้แพลตฟอร์มนั้น ๆ เพื่อดูว่าสอดคล้องกับร้านค้าของเราหรือไม่

5. ช่องทางการชำระเงิน

ส่วนสำคัญของการขายเลยค่ะ ขายแล้วก็ต้องมีช่องทางรองรับให้ลูกค้าชำระเงินด้วย ยิ่งมีหลายช่องทางก็ยิ่งช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าค่ะ

5.1 เงินโอนหรือบัตรเครดิต 

แนะนำว่าให้ทำรูปภาพที่ระบุรายละเอียดการโอนให้ชัดเจนเลยค่ะ เมื่อเราทำรูปภาพไว้เวลาส่งให้ลูกค้าก็จะสะดวกมาก ๆ และช่วยลดขั้นตอนการทำงานของเราไม่ต้องนั่งพิมพ์ด้วย ส่วนเรื่องของบัตรเครดิตก็เป็นอีกช่องทางที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับเราได้ค่ะ

5.2 เก็บเงินปลายทาง 

เป็นบริการเสริมของการจัดส่งพัสดุ อธิบายง่าย ๆ คือ ลูกค้าจะจ่ายค่าสินค้าก็ต่อเมื่อของไปถึงมือแล้วเท่านั้น โดยจ่ายผ่านพนักงานจัดส่งสินค้าค่ะ ซึ่งการมีบริการเก็บเงินปลายทางจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เพราะเป็นอีกส่วนนึงที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าได้นั่นเอง แต่ถ้าคุณต้องการใช้งานบริการเก็บเงินปลายทาง ก็ต้องดูเงื่อนไขของแต่ละขนส่งด้วยนะคะ เนื่องจากว่าเราจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการใช้บริการ 2% – 3% แล้วแต่เงื่อนไขของบริษัทขนส่งค่ะ

6. การจัดส่งสินค้า

มีร้านค้าออนไลน์แล้ว ออเดอร์เข้าขายสินค้าได้ก็ต้องไม่ลืมคำนึงถึงเรื่องการจัดส่งสินค้าด้วยนะคะ ซึ่งปัจจุบันเรามีบริษัทขนส่งพัสดุด่วนในไทยหลายรายมาก แต่มีข้อแตกต่างกันหลายแบบ เช่น เกณฑ์การคิดราคา, จำนวนการเข้ารับพัสดุ, ระยะเวลาการจัดส่ง, พื้นที่ให้บริการ, บริการจัดส่งแบบพิเศษอย่างของแช่เย็น ของขนาดใหญ่ เป็นต้น ดังนั้นคุณต้องสำรวจก่อนว่าสินค้าของคุณเป็นอะไร ส่วนใหญ่จะส่งพัสดุขนาดเล็กหรือใหญ่  เพื่อที่จะได้เลือกใช้ขนส่งได้อย่างเหมาะสมและลดต้นทุนให้กับคุณได้ค่ะ

SHIPPOP เรามีขนส่งรองรับมากกว่า 18 ขนส่ง ให้บริการครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย ส่งสินค้าได้หลากหลาย ที่สำคัญคือเรามีทีมงานคอยช่วยเหลือติดตามพัสดุของคุณ และมีระบบหลังบ้านช่วยจัดการเรื่องส่งของที่เปิดให้ใช้งานได้ “ฟรี” ระบบเราใช้งานง่าย แถมยังได้ค่าส่งราคาดี ช่วยลดต้นทุน เพิ่มกำไรให้กับคุณได้ด้วยนะคะ

เริ่มต้นใช้งาน